ชีวประวัติท่านอัลหะสัน อัลบัศรีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ
(ตอนที่ 5-ตอนจบ : ถ้อยคำล้ำค่าและการเสียชีวิต)
แปลและเรียบเรียงโดย Zunnur
ถ้อยคำล้ำค่าของท่านอัลหะสัน อัลบัศรีย์
จากอิมรอน บินคอลิด กล่าวว่า อัลหะสันกล่าวว่า “ผู้ศรัทธานั้นเศร้าเสียใจ และเขาก็ถูกเรียกว่าเป็นคนที่เศร้าเสียใจ เขาไม่สามารถเป็นอื่นได้ เนื่องจากเขาอยู่ระหว่างความกลัว 2 อย่าง คือระหว่างความผิดที่ผ่านพ้นมา(ซึ่งเขาไม่รู้ว่าอัลลอฮจะทรงทำอย่างไรกับมัน)กับอายุขัยที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งเขาไม่รู้ ความเสียหายวอดวายใดบ้างที่จะประสบกับเขา”[1]
จากอิมรอน อัลกอศิร กล่าวว่า ฉันถามท่านอัลหะสันเกี่ยวกับเรื่องหนึ่ง แล้วฉันก็พูดว่า “บรรดาฟุเกาะฮฺกล่าวเช่นนั้นและเช่นนี้” ท่านถามกลับมาว่า “ท่านเห็นฟากีฮฺ(ผู้มีความเข้าใจในศาสนาอย่างลึกซึ้ง)ด้วยตาของท่านเองไหม? แท้จริงฟะกีฮฺนั้นคือคนที่สมถะต่อดุนยา รู้ศาสนา และอิบาดะฮฺต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขาอยู่เสมอ”[2]
จากฏ็อลหะฮฺ บินศอบิหฺ จากท่านอัลหะสัน กล่าวว่า “ผู้ศรัทธา(มุอ์มิน)คือคนที่รู้ว่า สิ่งที่อัลลอฮทรงกล่าวนั้นคือเช่นที่พระองค์ทรงกล่าว ผู้ศรัทธานั้นคือคนที่มีการงานที่ดีที่สุด และเป็นผู้ที่มีความรู้สึกกลัวที่สุด(ต่ออัลลอฮ) หากเขาได้บริจาคทรัพย์สินมากเท่าภูเขา เขาก็ยังไม่รู้สึกปลอดภัยจนกว่าเขาจะเห็นด้วยตาตัวเอง(ว่าอัลลอฮทรงรับทรัพย์บริจาคของเขา) ความดีของเขา ความกตัญญูของเขา และอิบาดะฮฺของเขาจะไม่เพิ่มพูนขึ้น นอกจากกว่าความรู้สึกกลัวต่ออัลลอฮของเขาจะเพิ่มพูนขึ้นตามไปด้วย พร้อมกันนั้นเขาจะพูดว่า ‘ฉันยังไม่ปลอดภัย’ ส่วนพวกกลับกลอก(มุนาฟิก)จะพูดว่า ‘ผู้คนมีมากมาย ฉันจะได้รับการอภัยโทษ และไม่มีสิ่ง(อันตราย)ใดๆบนตัวฉัน’ เขาลืมประกอบการงาน แต่คาดหวังมากมายต่ออัลลอฮ”[3]
จากฮิชาม บินหัสสาน กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอัลหะสันสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮว่า “ไม่มีใครที่เชิดชูดิรฮัม(เงินตรา) นอกจากว่าอัลลอฮจะทรงให้เขาตกต่ำ”[4]
จากหัซมฺ บินอบูหัซมฺ กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอัลหะสันกล่าวว่า “สหาย 2 คนที่ชั่วช้าเลวร้ายที่สุดนั่นคือ ดีนารและดิรฮัม ทั้งสองไม่มีประโยชน์ใดๆสำหรับท่านจนกระทั่งทั้งสองแยกไปจากท่าน”[5]
จากอบูอุบาดะฮฺ อันนาญีย์ จากท่านอัลหะสัน กล่าวว่า “โอ้ลูกหลานอาดัม การละทิ้งความผิดนั้นง่ายดายสำหรับท่านมากกว่าการเตาบะฮฺ อะไรกันที่ทำให้ท่านรู้สึกปลอดภัยเมื่อท่านกระทำบาปใหญ่ แล้วประตูแห่งการเตาบะฮฺก็ปิดลง ในขณะที่ท่านอยู่ข้างนอกสถานที่ประกอบการงาน?”[6]
จากซุร็อยกฺ บินอบีซุร็อยกฺ กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอัลหะสันกล่าวว่า “แท้จริงฟิตนะฮฺนั้นเมื่อมาถึงแล้ว มันจะเป็นที่รับรู้กันสำหรับบรรดาผู้รู้ และเมื่อมันไปแล้ว มันก็จะเป็นที่รับรู้กันสำหรับคนเขลาทั้งหลาย”[7]
จากอุมาเราะฮฺ กล่าวว่า “ฉันอยู่ข้างท่านอัลหะสัน แล้วฟัรก็อดก็เข้ามาหาเรา ขณะนั้นท่านอัลหะสันกำลังทานขนมปัง แล้วท่านอัลหะสันก็กล่าวว่า ‘มาสิและทานสิ’ เขา(ฟัรก็อด)พูดว่า ‘ฉันกลัวหากไม่สามารถแสดงความรู้สึกขอบคุณได้’ ท่านอัลหะสันตอบว่า ‘แต่ท่านสามารถแสดงความรู้สึกขอบคุณ(เพราะ)การดื่มน้ำเย็นได้?’”[8]
ท่านอัลหะสัน อัลบัศรีย์ เสียชีวิต
จากอับดุลหะมีด บินมัยมูน อดีตทาสของท่านอุรวะฮฺ บินอัซซุบัยรฺ กล่าวว่า “ชายคนหนึ่งพูดกับท่านอิบนุสิรีนว่า ‘ฉันเห็นนกตัวหนึ่งเอาก้อนกรวดของท่านอัลหะสันที่มัสญิด’ ท่านอิบนุสิรีนกล่าวว่า ‘หากฝันของท่านเป็นจริง หมายความว่า ท่านอัลหะสันจะเสียชีวิต’ และไม่นานจากนั้นท่านอัลหะสันก็เสียชีวิต”[9]
จากยูนุส กล่าวว่า “ขณะที่ท่านอัลหะสันใกล้จะเสียชีวิต ท่านกล่าวอินนาลิลลาฮิ วะอินนาอิลัยฮิ รอญิอูน ลูกของท่านอัลหะสันขยับตัวเข้าใกล้ท่านพร้อมกล่าวว่า ‘พ่อครับ ท่านทำให้ฉันเศร้า ท่านเห็นสิ่งใดหรือ?’ ท่านอัลหะสันตอบว่า ‘มันคือชีวิตที่ฉันไม่พบเคยว่ามีสิ่งใดเหมือน’”
ฮิชาม บินหัสสาน กล่าวว่า “เราอยู่ข้างๆท่านมุหัมมัด(บินสิรีน)ในช่วงเย็นของวันพฤหัสบดี แล้วชายคนหนึ่งก็เข้ามาหาท่านหลังเวลาอัศรฺ พร้อมกับกล่าวว่า ‘ท่านอัลหะสันได้เสียชีวิตแล้ว’ เมื่อได้ยินดังนั้น ท่านมุหัมมัดได้ขอดุอาอ์ให้ท่านอัลหะสันได้รับความเมตตา แล้วสีหน้าของท่านก็เปลี่ยนไป และท่านก็ไม่พูดอะไร ท่านไม่พูดอะไรเลยจนกระทั่งตะวันลับฟ้าไป และผู้คนก็ไม่กล้าเข้าไปพูดคุยกับท่านด้วย เนื่องจากพวกเขาเห็นความเศร้าโศกใจที่กำลังปกคลุมตัวท่าน”
อัซซะฮะบีย์ กล่าวว่า “ท่านมุหัมมัด บินสิรีน มีชีวิตหลังจากการตายของท่านอัลหะสันเพียง 100 วันเท่านั้น”
อับดุลลอฮ บินอัลหะสัน กล่าวว่า พ่อของฉันมีชีวิตประมาณ 88 ปี
อัซซะฮะบีย์ กล่าวว่า “ท่านอัลหะสันเสียชีวิตในเดือนเราะญับ คือในปีฮิจเราะฮฺศักราชที่ 110 มีผู้คนมากมายมาร่วมเป็นพยานดูญะนาซะฮฺของท่าน และละหมาดญะนาซะฮฺแก่ท่านหลังจากละหมาดญุมอะฮฺ ที่เมืองบัศเราะฮฺ ผู้คนมากมายมาเยี่ยมญะนาซะฮฺของท่าน และพวกเขาต่างยื้อแย้งกันจะเข้าไปมองใบหน้าของท่าน จนกระทั่งละหมาดอัศรฺไม่สามารถกระทำได้ที่มัสญิด”
มีรายงานว่า ท่านอัลหะสันเป็นลม หลังจากนั้นท่านก็ยิ้มครู่หนึ่ง และพูดว่า “แท้จริงพวกท่านได้ปลุกฉันขึ้นมาจากเรือกสวนและน้ำพุทั้งหลาย และสถานที่อันทรงเกียรติ”
ขออัลลอฮทรงเมตตาท่านด้วยความเมตตาที่มากมาย และทรงให้เราได้อยู่ร่วมกับท่านในสวนสวรรค์ชั้นสูงสุด ชั้นที่เราจะหยิบเอาพืชผลต่างๆได้อย่างง่ายดาย
___________________________
[1] หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอัศฟิยาอ์ , อบูนุอัยมฺ , 2/132
[2] หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอัศฟิยาอ์ , อบูนุอัยมฺ , 2/139
[3] หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอัศฟิยาอ์ , อบูนุอัยมฺ , 2/153
[4] สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/576
[5] สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/576
[6] สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/578
[7] อัฏเฏาะบะก็อต อัลกุบรอ , มุหัมมัด บินสะอดฺ , 7/166
[8] อัฏเฏาะบะก็อต อัลกุบรอ , มุหัมมัด บินสะอดฺ , 7/176
[9] อัฏเฏาะบะก็อต อัลกุบรอ , มุหัมมัด บินสะอดฺ , 7/174
<photo id=”1″ />