ความเข้าใจที่ผิดพลาดเกี่ยวกับการฮัจรฺต่ออะฮฺลุลบิดอะฮฺ
(ตอนที่ 6.3 : (ต่อ)คำตักเตือนของชัยคฺอัลอัลบานีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ)
เขียนโดย อุสตาซ อบูอับดุลมุหฺสิน ฟีรันดา อันดิรญา อาบิดีน
แปลและเรียบเรียงโดย Zunnur
คำนะศีหะฮฺที่ 2
แม้ว่าคำนะศีหะฮฺนี้จะมุ่งมอบให้ชาวสะละฟีย์โดยทั่วไป แต่เสมือนว่าคำนะศีหะฮฺนี้ได้ถูกมอบให้แก่ชาวสะละฟีย์ที่ประเทศอินโดนีเซียเป็นการเฉพาะเลย…วัลลอฮุล มุสตะอาน วะอิลัยฮิต ตุกลาน
ชัยคฺอัลอัลบานีย์ กล่าวว่า :
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮ เราขอสรรเสริญพระองค์ ขอความช่วยเหลือจากพระองค์ และขออภัยโทษต่อพระองค์ และเราขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นจากความชั่วของตัวเราเองและจากความเลวร้ายของการงานของเรา ใครก็ตามที่อัลลอฮทรงชี้นำทางเขา ก็จะไม่มีใครสามารถทำให้เขาหลงผิดได้ และใครก็ตามที่อัลลอฮทรงทำให้เขาหลงผิด ก็ไม่มีใครจะชี้แนะนำทางแก่เขาได้และผมขอปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮเพียงองค์เดียวโดยไม่มีภาคีใดๆทั้งสิ้น และขอปฏิญาณตนว่ามุหัมมัดนั้นคือบ่าวและเราะสูลของพระองค์
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ اتَّقُواْ اللّهَ حَقَّ تُقَاتِهِ وَلاَ تَمُوتُنَّ إِلاَّ وَأَنتُم مُّسْلِمُونَ
โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงยำเกรงอัลลอฮอย่างแท้จริงเถิด และพวกเจ้าจงอย่าตายเป็นอันขาดนอกจากในฐานะที่พวกเจ้าเป็นผู้นอบน้อมเท่านั้น (อาลิอิมรอน 3 : 102)
يَا أَيُّهَا النَّاسُ اتَّقُواْ رَبَّكُمُ الَّذِي خَلَقَكُم مِّن نَّفْسٍ وَاحِدَةٍ وَخَلَقَ مِنْهَا زَوْجَهَا وَبَثَّ مِنْهُمَا رِجَالاً كَثِيراً وَنِسَاء وَاتَّقُواْ اللّهَ الَّذِي تَسَاءلُونَ بِهِ وَالأَرْحَامَ إِنَّ اللّهَ كَانَ عَلَيْكُمْ رَقِيباً
โอ้มนุษยชาติทั้งหลาย! จงยำเกรงพระเจ้าของพวกเจ้าที่ได้บังเกิดพวกเจ้ามาจากชีวิตหนึ่ง และได้ทรงบังเกิดจากชีวิตนั้นซึ่งคู่ครองของเขา และได้ทรงให้แพร่สะพัดไปจากทั้งสองนั้น ซึ่งบรรดาชายและบรรดาหญิงอันมากมาย และจงยำเกรงอัลลอฮฺที่พวกเจ้าต่างขอกัน ด้วยพระองค์ และพึงรักษาเครือญาติ แท้จริงอัลลอฮฺทรงสอดส่องดูพวกเจ้าอยู่เสมอ(อันนิสาอ์ 4 : 1)
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا اتَّقُوا اللَّهَ وَقُولُوا قَوْلاً سَدِيداً يُصْلِحْ لَكُمْ أَعْمَالَكُمْ وَيَغْفِرْ لَكُمْ ذُنُوبَكُمْ وَمَن يُطِعْ اللَّهَ وَرَسُولَهُ فَقَدْ فَازَ فَوْزاً عَظِيماً
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย! จงยำเกรงอัลลอฮฺ และจงกล่าวถ้อยคำที่เที่ยงธรรมเถิดพระองค์จะทรงปรับปรุงการงานของพวกเจ้าให้ดีขึ้นสำหรับพวกเจ้า และจะทรงอภัยโทษความผิดของพวกเจ้าให้แก่พวกเจ้าและผู้ใดเชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮฺแล่ะร่อซูลของพระองค์ แน่นอนเขาได้รับความสำเร็จใหญ่หลวง(อัลอะหฺซาบ 33 : 70-71)
อนึ่ง แท้จริงคำพูดที่ดีเลิศนั้นคือพระดำรัสของอัลลอฮ และทางนำที่ดีเลิศนั้นคือทางนำของมุหัมมัด ส่วนการงานที่ชั่วร้ายนั้นคือการงานที่อุตริขึ้นมา และทุกการอุตริขึ้นมาใหม่(ในศาสนา)นั้นเป็นบิดอะฮฺ ทุกบิดอะฮฺเป็นความหลงผิด และทุกความหลงผิดอยู่ในนรก
เราต่างรู้ดีเกี่ยวกับคำพูดของท่านเราะสูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ที่ว่า
” الدِّيْنُ النَّصِيْحَةُ، الدِّيْنُ النَّصِيْحَةُ، الدِّيْنُ النَّصِيْحَةُ”، قَالُوا : “لِمَنْ يَا رَسولَ الله؟”. قَالَ : “لِلَّهِ وَلِكِتَابِهِ وَلِرَسُوْلِهِ وَلأَئِمَّةِ الْمُسْلِمِيْنَ وَعَامَّتِهِمْ“
“ศาสนาคือการตักเตือน ศาสนาคือการตักเตือน ศาสนาคือการตักเตือน” บรรดาเศาะหาบะฮฺถามว่า “สำหรับใครหรือครับ? โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮ”ท่านตอบว่า “เพื่ออัลลอฮ เพื่อคัมภีร์ของพระองค์ เพื่อเราะสูลของพระงค์ สำหรับบรรดาผู้นำมุสลิม และชาวมุสลิมโดยทั่วไป”
เรา(ชาวมุสลิม)ในวันนี้อยู่ในกลุ่มชาวมุสลิมทั่วไป(เอาวาม)ที่จำเป็นเหนือผู้ตักเตือนทุกคนที่จะต้องให้คำตักเตือนแก่พวกเขา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ พวกเราชาวสะละฟีย์ที่เป็นตัวแทนของส่วนที่ใหญ่(มาก)จากจำนวนของชาวมุสลิมซึ่งมีจำนวนมากมาย และชาวสะละฟีย์รู้สึกภาคภูมิใจ เพราะอัลลอฮได้ทรงให้เกียติพวกเขาในหมู่ชาวมุสลิมทั้งหลายด้วยการให้พวกเขาเข้าใจเตาฮีด ซึ่งเป็นรากฐานของความศานติปลอดภัยจากการลงโทษตลอดกาลในอาคิเราะฮฺ เตาฮีดนี้เราได้เรียนรู้ ได้เข้าใจด้วยดี และได้ตระหนักอยู่ในหลักอะกีดะฮฺของเรา แต่ความเศร้าได้ปกคลุมหัวใจของผม….ผมรู้สึกว่าเราได้ประสบกับโรคร้ายแห่งการหลอกลวงตนเอง เมื่อเราได้มาถึงอะกีดะฮฺนี้ และเรื่องต่างๆที่เป็นผลพวงจากอะกีดะฮฺนี้ที่เราได้รู้ร่วมกัน เช่น การปฏิบัติบนพื้นฐานของอัลกุรอานและอัสสุนนะฮฺ และไม่ตัดสินด้วยกับสิ่งอื่นจากอัลกุรอานและอัสสุนนะฮฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เราได้ปฏิบัติเรื่องนี้ซึ่งเป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคน(คือการเข้าใจอย่างถูกต้องต่อเตาฮีดและการปฏิบัติด้วยอัลกุรอานและอัสสุนนะฮฺ) ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องฟิกฮฺที่ชาวมุสลิมได้แตกแยกกันเป็นมัซฮับต่างๆและต่างฝ่ายต่างเดินไปบนเส้นทางที่แตกต่างกันนานหลายปี
แต่ดูเหมือนว่า(และนี่คือสิ่งผมได้พูดถึงซ้ำไปซ้ำมาหลายๆครั้งในการสอนของผม)ว่า โลกอิสลามวันนี้(รวมถึงชาวสะละฟีย์ด้วย)ได้ละเลยแง่มุมที่สำคัญมากของคำสอนอิสลามที่เราถือว่าเป็นหลักคิดพื้นฐานและครอบคลุมทุกแง่มุมของชีวิตของเรา และหนึ่งในแง่มุมที่สำคัญนั้นก็คือ อัคลาคที่ดีงาม และการยืนหยัดมั่นคงบนเส้นทาง
พวกเราหลายคนไม่ใส่ใจกับแง่มุมนี้(คือการปรับปรุงบุคลิกภาพและประดับประดามารยาทให้สวยงาม ทั้งๆที่เราทุกคนต่างก็เคยอ่านหะดีษเศาะฮีหฺบทหนึ่งในหนังสือหะดีษต่างๆ คือ Read the rest of this entry »