RSS

Tag Archives: ขัดแย้ง

ความเข้าใจที่ผิดพลาดเกี่ยวกับการฮัจรฺต่ออะฮฺลุลบิดอะฮฺ (ตอนที่ 6.3)

ชัยคฺ อัลบานีย์ความเข้าใจที่ผิดพลาดเกี่ยวกับการฮัจรฺต่ออะฮฺลุลบิดอะฮฺ
(ตอนที่ 6.3 : (ต่อ)คำตักเตือนของชัยคฺอัลอัลบานีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ)
เขียนโดย อุสตาซ อบูอับดุลมุหฺสิน ฟีรันดา อันดิรญา อาบิดีน
แปลและเรียบเรียงโดย Zunnur

คำนะศีหะฮฺที่ 2

แม้ว่าคำนะศีหะฮฺนี้จะมุ่งมอบให้ชาวสะละฟีย์โดยทั่วไป แต่เสมือนว่าคำนะศีหะฮฺนี้ได้ถูกมอบให้แก่ชาวสะละฟีย์ที่ประเทศอินโดนีเซียเป็นการเฉพาะเลย…วัลลอฮุล มุสตะอาน วะอิลัยฮิต ตุกลาน

ชัยคฺอัลอัลบานีย์ กล่าวว่า :
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮ เราขอสรรเสริญพระองค์ ขอความช่วยเหลือจากพระองค์ และขออภัยโทษต่อพระองค์ และเราขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นจากความชั่วของตัวเราเองและจากความเลวร้ายของการงานของเรา ใครก็ตามที่อัลลอฮทรงชี้นำทางเขา ก็จะไม่มีใครสามารถทำให้เขาหลงผิดได้ และใครก็ตามที่อัลลอฮทรงทำให้เขาหลงผิด ก็ไม่มีใครจะชี้แนะนำทางแก่เขาได้และผมขอปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮเพียงองค์เดียวโดยไม่มีภาคีใดๆทั้งสิ้น และขอปฏิญาณตนว่ามุหัมมัดนั้นคือบ่าวและเราะสูลของพระองค์


يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ اتَّقُواْ اللّهَ حَقَّ تُقَاتِهِ وَلاَ تَمُوتُنَّ إِلاَّ وَأَنتُم مُّسْلِمُونَ

          โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงยำเกรงอัลลอฮอย่างแท้จริงเถิด และพวกเจ้าจงอย่าตายเป็นอันขาดนอกจากในฐานะที่พวกเจ้าเป็นผู้นอบน้อมเท่านั้น (อาลิอิมรอน 3 : 102)


يَا أَيُّهَا النَّاسُ اتَّقُواْ رَبَّكُمُ الَّذِي خَلَقَكُم مِّن نَّفْسٍ وَاحِدَةٍ وَخَلَقَ مِنْهَا زَوْجَهَا وَبَثَّ مِنْهُمَا رِجَالاً كَثِيراً وَنِسَاء وَاتَّقُواْ اللّهَ الَّذِي تَسَاءلُونَ بِهِ وَالأَرْحَامَ إِنَّ اللّهَ كَانَ عَلَيْكُمْ رَقِيباً

          โอ้มนุษยชาติทั้งหลาย! จงยำเกรงพระเจ้าของพวกเจ้าที่ได้บังเกิดพวกเจ้ามาจากชีวิตหนึ่ง และได้ทรงบังเกิดจากชีวิตนั้นซึ่งคู่ครองของเขา และได้ทรงให้แพร่สะพัดไปจากทั้งสองนั้น ซึ่งบรรดาชายและบรรดาหญิงอันมากมาย และจงยำเกรงอัลลอฮฺที่พวกเจ้าต่างขอกัน ด้วยพระองค์ และพึงรักษาเครือญาติ แท้จริงอัลลอฮฺทรงสอดส่องดูพวกเจ้าอยู่เสมอ(อันนิสาอ์ 4 : 1)


يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا اتَّقُوا اللَّهَ وَقُولُوا قَوْلاً سَدِيداً يُصْلِحْ لَكُمْ أَعْمَالَكُمْ وَيَغْفِرْ لَكُمْ ذُنُوبَكُمْ وَمَن يُطِعْ اللَّهَ وَرَسُولَهُ فَقَدْ فَازَ فَوْزاً عَظِيماً

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย! จงยำเกรงอัลลอฮฺ และจงกล่าวถ้อยคำที่เที่ยงธรรมเถิดพระองค์จะทรงปรับปรุงการงานของพวกเจ้าให้ดีขึ้นสำหรับพวกเจ้า และจะทรงอภัยโทษความผิดของพวกเจ้าให้แก่พวกเจ้าและผู้ใดเชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮฺแล่ะร่อซูลของพระองค์ แน่นอนเขาได้รับความสำเร็จใหญ่หลวง(อัลอะหฺซาบ 33 : 70-71)
อนึ่ง แท้จริงคำพูดที่ดีเลิศนั้นคือพระดำรัสของอัลลอฮ และทางนำที่ดีเลิศนั้นคือทางนำของมุหัมมัด ส่วนการงานที่ชั่วร้ายนั้นคือการงานที่อุตริขึ้นมา และทุกการอุตริขึ้นมาใหม่(ในศาสนา)นั้นเป็นบิดอะฮฺ ทุกบิดอะฮฺเป็นความหลงผิด และทุกความหลงผิดอยู่ในนรก

เราต่างรู้ดีเกี่ยวกับคำพูดของท่านเราะสูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ที่ว่า


الدِّيْنُ النَّصِيْحَةُ، الدِّيْنُ النَّصِيْحَةُ، الدِّيْنُ النَّصِيْحَةُ”، قَالُوا : “لِمَنْ يَا رَسولَ الله؟”. قَالَ : “لِلَّهِ وَلِكِتَابِهِ وَلِرَسُوْلِهِ وَلأَئِمَّةِ الْمُسْلِمِيْنَ وَعَامَّتِهِمْ

ศาสนาคือการตักเตือน ศาสนาคือการตักเตือน ศาสนาคือการตักเตือน บรรดาเศาะหาบะฮฺถามว่า สำหรับใครหรือครับ? โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮท่านตอบว่า เพื่ออัลลอฮ เพื่อคัมภีร์ของพระองค์ เพื่อเราะสูลของพระงค์ สำหรับบรรดาผู้นำมุสลิม และชาวมุสลิมโดยทั่วไป

เรา(ชาวมุสลิม)ในวันนี้อยู่ในกลุ่มชาวมุสลิมทั่วไป(เอาวาม)ที่จำเป็นเหนือผู้ตักเตือนทุกคนที่จะต้องให้คำตักเตือนแก่พวกเขา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ พวกเราชาวสะละฟีย์ที่เป็นตัวแทนของส่วนที่ใหญ่(มาก)จากจำนวนของชาวมุสลิมซึ่งมีจำนวนมากมาย และชาวสะละฟีย์รู้สึกภาคภูมิใจ เพราะอัลลอฮได้ทรงให้เกียติพวกเขาในหมู่ชาวมุสลิมทั้งหลายด้วยการให้พวกเขาเข้าใจเตาฮีด ซึ่งเป็นรากฐานของความศานติปลอดภัยจากการลงโทษตลอดกาลในอาคิเราะฮฺ เตาฮีดนี้เราได้เรียนรู้ ได้เข้าใจด้วยดี และได้ตระหนักอยู่ในหลักอะกีดะฮฺของเรา แต่ความเศร้าได้ปกคลุมหัวใจของผม….ผมรู้สึกว่าเราได้ประสบกับโรคร้ายแห่งการหลอกลวงตนเอง เมื่อเราได้มาถึงอะกีดะฮฺนี้ และเรื่องต่างๆที่เป็นผลพวงจากอะกีดะฮฺนี้ที่เราได้รู้ร่วมกัน เช่น การปฏิบัติบนพื้นฐานของอัลกุรอานและอัสสุนนะฮฺ และไม่ตัดสินด้วยกับสิ่งอื่นจากอัลกุรอานและอัสสุนนะฮฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เราได้ปฏิบัติเรื่องนี้ซึ่งเป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคน(คือการเข้าใจอย่างถูกต้องต่อเตาฮีดและการปฏิบัติด้วยอัลกุรอานและอัสสุนนะฮฺ) ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องฟิกฮฺที่ชาวมุสลิมได้แตกแยกกันเป็นมัซฮับต่างๆและต่างฝ่ายต่างเดินไปบนเส้นทางที่แตกต่างกันนานหลายปี
แต่ดูเหมือนว่า(และนี่คือสิ่งผมได้พูดถึงซ้ำไปซ้ำมาหลายๆครั้งในการสอนของผม)ว่า โลกอิสลามวันนี้(รวมถึงชาวสะละฟีย์ด้วย)ได้ละเลยแง่มุมที่สำคัญมากของคำสอนอิสลามที่เราถือว่าเป็นหลักคิดพื้นฐานและครอบคลุมทุกแง่มุมของชีวิตของเรา และหนึ่งในแง่มุมที่สำคัญนั้นก็คือ อัคลาคที่ดีงาม และการยืนหยัดมั่นคงบนเส้นทาง
พวกเราหลายคนไม่ใส่ใจกับแง่มุมนี้(คือการปรับปรุงบุคลิกภาพและประดับประดามารยาทให้สวยงาม ทั้งๆที่เราทุกคนต่างก็เคยอ่านหะดีษเศาะฮีหฺบทหนึ่งในหนังสือหะดีษต่างๆ คือ Read the rest of this entry »

 

ป้ายกำกับ: , , , , , , , , , , , , , , ,

ความเข้าใจที่ผิดพลาดเกี่ยวกับการฮัจรฺต่ออะฮฺลุลบิดอะฮฺ (ตอนที่ 4)

wrong-way
ความเข้าใจที่ผิดพลาดเกี่ยวกับการฮัจรฺต่ออะฮฺลุลบิดอะฮฺ
(ตอนที่ 4 : ไม่อนุญาตให้ทำการฮัจรฺในเรื่องอิจติฮาดียะฮฺ[1])
เขียนโดย อุสตาซ อบูอับดุลมุหฺสิน ฟีรันดา อันดิรญา อาบิดีน
แปลและเรียบเรียงโดย Zunnur

ท่านอิบนุตัยมียะฮฺ กล่าวว่า ไม่อนุญาตให้ใครบังคับผู้คนให้ยึดตามทัศนะของเขาในเรื่องอิจติฮาดียะฮฺ แต่เขาจะต้องพูดคุยด้วยหลักฐานทางวิชาการ ใครก็ตามที่ความจริงอย่างใดอย่างหนึ่งจาก 2 ทัศนะเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่เขา เขาก็ยึดตามนั้น และใครก็ตามที่ตักลีดต่อทัศนะอื่น ก็ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ และปัญหาต่างๆเช่นนี้นั้นมีมาก… (มัจญ์มูอฺ ฟะตาวา 30/79-80)
การฮัจรฺนั้นอนุญาตให้กระทำต่อคนที่ขัดแย้งกับอายะฮฺอัลกุรอานที่ชัดเจน หรือหะดีษที่มีชื่อเสียงแพร่หลาย หรือมติเอกฉันท์(อิจมาอ์)ของบรรดาชาวสะลัฟเท่านั้น ดังคำพูดของท่านอิบนุตัยมียะฮฺที่ว่า แน่นอนถูกต้อง ใครก็ตามที่ขัดแย้งสวนทางกับ (1)อัลกุรอานที่ชัดเจน และ(2) สุนนะฮฺที่มีชื่อเสียงแพร่หลาย หรือ (3) มติเอกฉันท์ของชาวสะลัฟ ด้วยการขัดแย้งที่ไม่มีข้อผ่อนปรนใดๆ คนเช่นนี้จะถูกปฏิบัติในฐานะเป็นอะฮฺลุลบิดอะฮฺ (มัจญ์มูอฺ ฟะตาวา 24/172)

ส่วนปัญหาอิจติฮาดียะฮฺที่ยังคงมีการถกเถียงกันในหมู่อุละมาอ์นั้น ไม่อนุญาตให้กระทำการตะหฺซีรและฮัจรฺ

อัลกอฎีย์ อิยาฎ กล่าวว่า ไม่สมควรที่คนๆหนึ่งจะสั่งใช้ความดีและห้ามปรามความชั่วเพื่อนำพามนุษย์ให้เดินตามอิจติฮาดและมัซฮับของเขา อนุญาตให้เขาเปลี่ยนแปลงความชั่วที่มีมติเอกฉันท์ให้ห้ามปรามได้เท่านั้น
อิมามอันนะวะวีย์รับคำชี้แจงข้างต้นของอัลกอฎีย์ อิยาฎ ไปใช้ และท่านกล่าวว่า ส่วนเรื่องที่ยังคงมีความเห็นแย้งกันนั้น ไม่อนุญาตให้มีการห้ามปราม และไม่อนุญาตให้ผู้พิพากษ์มุสลิมวิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่เห็นต่างกับเขา ตราบใดที่เขามิได้ขัดแย้งกับหลักฐานหรือมติเอกฉันท์(อิจญ์มาอ์) (มีเสนอในอัตตาจญ์ วัลอิกลีล 4/381 และดูคำกล่าวของท่านได้ในอัลมินฮาจญ์ ชัรหฺ เศาะฮีหฺ มุสลิม 2/23-24)
อิมามอันนะวะวีย์ ยังกล่าวอีกว่า “คนที่(ได้รับอนุญาตให้)ทำการสั่งใช้ในความดีและห้ามปรามความชั่วนั้น คือคนที่รู้ในสิ่งที่เขาสั่งใช้และสิ่งที่เขาห้ามปราม เรื่องนี้มีความหลากหลายแตกต่างกันไปตามความดีที่เขาสั่งใช้และความชั่วที่เขาห้ามปราม หาก(ความดีนั้น)เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องจำเป็น(วาญิบ)ที่ชัดเจน และ(ความชั่วดังกล่าว)เป็นเรื่องที่ต้องห้ามที่รู้จักกัน เช่น การละหมาด การถือศีลอด ซินา สุรา และที่คล้ายคลึงกัน ดังนั้นทุกคนต่างก็รู้กัน แต่หากเป็นคำพูดและการกระทำที่ยุ่งยากและเกี่ยวข้องกับการอิจติฮาด ชาวมุสลิมทั่วไป(เอาวาม)ไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปในขอบเขตนี้ และไม่อนุญาตให้พวกเขาห้ามปรามมัน เรื่องนี้ถือเป็นสิทธิเฉพาะของบรรดาอุละมาอ์เท่านั้น
ต่อมา บรรดาอุละมาอ์ทำได้เพียงห้ามปรามเรื่องที่เป็นมติเอกฉันท์(อิจมาอ์)เท่านั้น ส่วนเรื่องที่ยังมีความเห็นแย้งกันอยู่นั้น Read the rest of this entry »

 
 

ป้ายกำกับ: , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,

ความเข้าใจที่ผิดพลาดเกี่ยวกับการฮัจรฺต่ออะฮฺลุลบิดอะฮฺ (ตอนที่ 3)

wrong-way-550x266
ความเข้าใจที่ผิดพลาดเกี่ยวกับการฮัจรฺต่ออะฮฺลุลบิดอะฮฺ
(ตอนที่ 3 : มารยาทในการวิพากษ์วิจารณ์ระหว่างอะฮฺลุสสุนนะฮฺ)
เขียนโดย อุสตาซ อบูอับดุลมุหฺสิน ฟีรันดา อันดิรญา อาบิดีน
แปลและเรียบเรียงโดย Zunnur

การฮัจรฺที่ก่อเกิดประโยชน์นั้นถือเป็นอิบาดะฮฺ เพราะมันคืออิบาดะฮฺ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกระทำด้วยความอิคลาศเพื่ออัลลอฮ หนึ่งในลักษณะของคนที่มีความอิคลาศเมื่อทำการฮัจรฺคือ ความปรารถนาที่จะให้พี่น้องของเขาที่กำลังถูกฮัจรฺนั้นกลับคืนสู่ความดีงามและทิ้งความผิดหรือบิดอะฮฺ หากเจตนาของมันเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาก็จะใช้วิธีการที่ดีเพื่อบรรลุเป้าหมาย เช่นเดียวกันเมื่อเขาทำการตักเตือนพี่น้องของเขาจากความผิด(ตะหฺซีร) เขาก็พยายามใช้วิธีการที่ดีที่สุดเพื่อให้พี่น้องของเขากลับมายังสัจธรรม
จึงเป็นที่ชัดเจนแก่เราในความผิดพลาดของคนบางส่วนที่ทำการตะหฺซีรด้วยการความขบขันและภาษาที่แม้แต่คนทั่วไป(เอาวาม)ก็ละอายที่จะใช้มัน แล้วนับประสาอะไรกับคนที่เป็นดาอีย์อะฮฺลุสสุนนะฮฺ เฉกเช่นที่เราต่างได้ยินกันว่ามีบางคนขนามนามแก่พี่น้องของเขาด้วยคำว่า “พวกแมลงสาป” , “อะฮฺลุลหะดัษ-พวกสร้างภาพ(ล้อเลียนมาจากคำว่า อะฮฺลุลหะดีษ)”, “นักดะอฺวะฮฺปลายแถว” , “เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” , “เด็กเมื่อวานซืน” , “พวกอันดุรญานา(ล้อเลียนมาจากคำว่า อันดิรญา)”[1] และฉายานามที่โง่เขลาอื่นๆอีกมากมาย
ทั้งที่อัลลอฮตรัสวไว้ในคัมภีร์ที่สูงเกียรติของพระองค์ว่า


وَلَا تَنَابَزُوا بِالْأَلْقَابِ

          และอย่าได้เรียกกันด้วยฉายาที่น่าเกลียดชั่วร้าย (อัลหุญุร็อต 49 : 11)
ชัยคฺ อับดุรเราะหฺมาน บิน นาศิร อัสสะอฺดีย์ เราะหิมะฮุลลอฮ กล่าวว่า “หมายถึง คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านอย่าได้ด่าทอพี่น้องของเขาและเรียกให้ฉายาแก่พี่น้องของเขาคนนั้นด้วยฉายาที่ตัวเขาเองก็ไม่ชอบหากถูกเรียกเช่นนั้น” (ตัยสีร อัลการิมิร เราะหฺมาน หน้าที่ 108)
โปรดใคร่ครวญเรื่องราวต่อไปนี้เถิด ท่านหญิงอาอิชะฮฺกล่าวว่า “ชาวยิวเข้ามาพบท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม และพูดว่า : อัสสาม อะลัยกฺ – ขอให้เจ้าหายนะ (ชาวยิวใช้คำนี้แทนคำกล่าวสลามของชาวมุสลิม) ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ตอบกลับไปว่า วะอะลัยกฺท่านก็ด้วย
ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เล่าต่อไปว่า “ฉันต้องการพูด(เพื่อตอบโต้ยิวคนนั้น) แต่ฉันรู้ดีว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ต้องไม่ชอบแน่นอน แล้วชาวยิวอีกคนหนึ่งก็เข้ามาหาและพูด(คำเดียวกัน)ว่า อัสสาม อะลัยกฺ – ขอให้เจ้าหายนะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็ตอบ(ด้วยคำคำตอบเดิม)ว่า วะอะลัยกฺท่านก็ด้วย ฉันอยากจะพูด แต่ฉันรู้ดีว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ต้องไม่ชอบแน่นอน ต่อมาชาวยิวคนที่สามก็เข้ามาและพูด(คำเดียวกัน)ว่า อัสสาม อะลัยกฺ – ขอให้เจ้าหายนะ ฉันอดทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ฉันจึงพูดว่า “ขอให้เจ้าจงพินาศและถูกอัลลอฮโกรธกริ้วและสาปแช่ง โอ้พี่น้องของพวกลิงและหมูตอน ทำไมพวกเจ้าไม่ให้สลามแก่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เหมือนกับคำสลามของอัลลอฮที่มีให้แก่ท่านเล่า?!
ท่านเราะสูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม จึงพูดว่า แท้จริงอัลลอฮมิทรงชอบเลวทรามและคำพูดที่เลวทราม พวกเขากล่าวคำพูดหนึ่ง และเราก็ได้ตอบกลับคำพูดนั้นแล้วว่า วะอะลัยกฺท่านก็ด้วยแท้จริงชาวยิวคือกลุ่มชนจอมริษยา และพวกเขาไม่เคยริษยาต่อใครเหมือนกับการริษยาต่อพวเราในเรื่องการสลามและ(คำกล่าว)อามีน (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ 5/2349 หมายเลขที่ 6032 , มุสลิม 4/1707 หมายเลขที่ 2166 และอิบนุคุซัยมะฮฺ 1/288 หมายเลขที่ 574 และนี่คือสำนวนของอิบนุคุซัยมะฮฺ)

ในการบันทึกของอัลบุคอรีย์ระบุว่า ท่านเราะสูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า

مَهْلًا يَا عائشةُ إِنَّ اللهَ يُحِبُّ الرِّفْقَ فِي الأَمْرِ كُلِّهِ

            “เพลาๆหน่อยโอ้อาอิชะฮฺ แท้จริงอัลลอฮทรงชอบความอ่อนโยนในทุกเรื่อง” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ 5/2349 หมายเลขที่ 6032)

ดูสิ ท่านเราะสูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เตือนท่านหญิงอาอิชะฮฺ เพราะท่าทีที่แข็งกร้าวของท่านหญิงที่มีต่อชาวยิวดังกล่าว ทั้งๆที่ท่านหญิงอาอิชะฮฺ คือ ศิดดีเกาะฮฺ(หญิงผู้สัจจริง) บุตรสาวของอัศศิดดี้ก(ผู้สัจจริง หมายถึงท่านอบูบักรฺ) ท่านหญิงคืออุมมุลมุอ์มินีน(มารดาของผู้ศรัทธา) ในขณะที่ผู้ที่ถูกตำหนินั้นคือชาวยิว ไม่ใช่มุสลิม อีกทั้งยังกระทำในสิ่งที่ชั่วช้าที่สุดด้วย คือการจอให้ความตายความหายะประสบกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม
นอกจากนี้ ท่านหญิงอาอิชะฮฺต่อว่าชาวยิวก็เพื่อเป็นการปกป้องท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม และเนื้อหาคำพูดของท่านอาอิชะฮฺก็ถูกต้อง และมีในอัลกุรอานด้วย แต่ถึงกระนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็ยังเตือนท่านหญิง ไม่ใช่เพราะคำพูดของท่านหญิงไม่ถูกต้อง แต่เพราะวิธีการที่ไม่ถูกต้องของท่านหญิงอาอิชะฮฺต่างหาก ท่านนบีจึงไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ในคำพูดของท่านหญิงอาอิชะฮฺ

ท่านอิบนุหะญัร กล่าวว่า “ดูเหมือนว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ต้องการให้ลิ้นของท่านหญิงอาอิชะฮฺไม่รู้สึกคุ้นเคยกับคำพูดที่หยาบคาย หรือท่านต้องการปรามท่านหญิงอาอิชะฮฺ เนื่องด้วยท่าทีที่เลยเถิดไปในการกล่าวตำหนิ” (ฟัตหุล บารีย์ 11/43)
ชัยคฺ อิบนุอุษัยมีน กล่าวว่า “ชาวยิวสมควรถูกสาปแช่ง แต่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็ยังคงห้ามท่านหญิงอาอิชะฮฺสาปแช่งพวกเขา” (ฟะตาวา อัลหะรอม อันนะบะวีย์ เทปหมายเลขที่ 42 หน้า A)

พี่น้อง “นักด่าทอ” หรือ “นักตั้งฉายา” ของเราสมควรตอบคำถามต่อไปนี้ก่อนที่พวกเขาจะยัดเยียดฉายานามที่น่าเกลียดทั้งหลายแก่พี่น้องของเขา
1. พวกเขาดีกว่าท่านหญิงอาอิชะฮฺหรือไม่?

  1. พี่น้องของเขาที่ถูกด่าทอนั้นชั่วช้ากว่ายิวหรือเปล่า?
  2. ความผิดของพี่น้องของเขา(แม้ว่าหากผิดจริง)หนักหนากว่าคำพูดของชาวยิวทั้งสามที่พูดกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ว่า อัสสาม อะลัยกฺ – ขอให้เจ้าหายนะ ไหม?
  3. ฉายานามหรือข้อกล่าวหาต่างๆที่พวกเขายัดเยียดให้กับพี่น้องของเขานั้นถูกต้องแน่นอน เหมือนกับคำพูดของท่านหญิงอาอิชะฮฺต่อชาวยิวหรือไม่?

ก่อนที่จะหยิบยกฉายาให้ใครๆนั้น พวกเขาเคยคิดไหมว่าจะเป็นอย่างไรหากเป็นพวกเขาเองที่อยู่ในสถานะของพี่น้องของพวกเขาที่ถูกตะหฺซีรหรือฮัจรฺ พวกเขาจะรู้สึกตัวและหันกลับมายังสัจธรรม หากพวกเขาถูกเรียกด้วยฉายานามที่ไร้สาระนั้นต่อหน้าคนหมู่มากอย่างนั้นหรือ? สิ่งนี้เคยผุดขึ้นมาในหัวใจของพวกเขาบ้างไหม? ดังหะดีษบทหนึ่งว่า

لاَ يُؤْمِنُ أَحَدُكُمْ حَتَّى يُحِبَّ لِأَخِيْهِ مَا يُحِبُّ لِنَفْسِهِ

ผู้ใดผู้หนึ่งในหมู่พวกท่านจะยังไม่ศรัทธา (โดยสมบูรณ์) จนกว่าเขาจะรัก(ปรารถนา)แด่พี่น้องของเขาเสมือนกับที่เขารักสำหรับตัวของเขาเอง (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ 13 และมุสลิม 45)

น่าเศร้าจริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นกลับตรงกันข้าเลย Read the rest of this entry »

 
 

ป้ายกำกับ: , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,

 
Blog Abu Umamah™

Media Belajar Dan Berbagi Ilmu Islam Ahlussunnah Wal Jama'ah

Baannada The Coach

บ้านณดาเดอะโค้ช- เพจเลี้ยงลูกเชิงบวกแบบฉบับโค้ชชีวิต เลี้ยง-เล่น-เที่ยว-ใช้ชีวิตอย่างมีความหมายไปกับลูก

Insyaflah, wahai Salafy!

Kalau tidak ada yang menjelaskan ... bagaimana ummat bisa tahu ?

faham.wordpress.com

Tugas pertama kita adalah memahami Islam, bukan sekedar mengetahui dalilnya

irwandizakaria-blog

Berikan yang Terbaik, Insya Allah akan Dapat Yang Terbaik

Renaissance

ไม่จุดเริ่มต้นไม่มีที่สิ้นสุด

Terjemah Kitab Salaf

membumikan dakwah ahlus sunnah

Bahasa Arab Jarak Jauh at-Taisir

Mempelajari Bahasa al-Qur'an dan as-Sunnah

Ibnu Taimiyah

Menguak keagungan seorang Syaikhul Islam

ABU MUSA AL-ATSARI

Belajar Islam, Menikmati Alam

Meniti Jalan menuntut Ilmu

Membuka Jalan Menuju Surga...

bushrohouse

ห้องสมุดบ้านบุชรอ : ห้องสมุดเพื่ออุมมะฮฺ

Para Ulama Ahlul Hadits

Biografi Ahlul Hadits, Para Sahabat, Tabi’in dan Tabiut Tabi’in beserta Keluarga Rasulullah صلى ا لله عليه وسلم

Salafy

Meneladani Generasi Terdahulu yang Shalih

บ้านเรียนอัลอัรกอม

ปฏิบัติดี วิถีอิสลาม ความรู้กว้างไกล

Mengenal Ajaran Islam Lebih Dekat

Islam, Rumaysho, Salafi, Ahlus Sunnah, Ahlus Sunnah wal Jama'ah, Muslim