อัล-หิกมะฮฺ : วิทยปัญญา
เขียนโดย มะหฺมูด มุหัมมัด อัล-เคาะซันดาร
แปลและเรียบเรียงโดย Zunnur
หิกมะฮฺ (วิทยปัญญา)
وَمَن يُؤْتَ الْحِكْمَةَ فَقَدْ أُوتِيَ خَيْرًا كَثِيرًا
“และผู้ใดที่ได้รับหิกมะฮฺ(วิทยปัญญา) แน่นอนเขาก็ได้รับความความดีอันมากมาย”
แท้จริง ผู้ที่มีเจตนาที่ดีและอิบาดะฮฺที่ถูกต้อง ความดีงามของเขาก็เพียงเพื่อตัวของเขาเองเท่านั้น และไม่มีผลกระทบ(ที่ดี)ต่อผู้อื่นแต่อย่างใด ตราบใดที่เขาไม่ได้รับหิกมะฮฺในการปฏิสัมพันธ์และความถูกต้องในการคัดเลือก เฉกเช่นผู้ที่มีหิกมะฮฺ หิกมะฮฺของเขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการกลับกลอก(นิฟาก)ต่อสังคม หากปราศจากจิตใจที่สูงส่งและการยืนหยัดบนแนวทางของอัล-กุรอานและอัส-สุนนะฮฺ
ในหนังสือตัฟสีร(อรรถาธิบายอัล-กุรอาน)ต่างๆ คำว่าหิกมะฮฺ บางครั้งถูกให้คำนิยามด้วยความหมายว่าคือ อัล-กุรอาน บางครั้งด้วยความหมายว่าคือ อัส-สุนนะฮฺ หรือความเป็นนบี(นุบุวฺวะฮฺ) ด้วยเหตุนี้แหล่ะ มีรายงานในหลายๆหะดีษเกี่ยวกับดุอาอ์ของท่านเราะสูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ที่มีให้แก่อับดุลลอฮ บิน อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ซึ่งมีใจความว่า ขออัลลอฮ สุบหานะฮุ วะตะอาลา ทรงสอนหิกมะฮฺ คัมภีร์ และ(ประทาน)ความเข้าใจในศาสนาแก่เขา และได้ถูกรวบรวมเข้าไว้ด้วยกันในรายงานจากบันทึกของอัล-บุคอรีย์ ด้วยคำกล่าว(ดุอาอ์ของท่านเราะสูล)ว่า
اَللّهُمَّ عَلِّمْهُ الْحِكْمَةَ
“โอ้อัลลอฮ โปรดสอนหิกมะฮฺให้แก่เขา” [1]
ความหมายก็คือ เข้าใจอัล-กุรอานและอัส-สุนนะฮฺ พร้อมปฏิบัติมันทั้งสอง ดังที่ได้รับการยืนยันไว้โดยตาบิอีนส่วนมาก และได้รับการสนุนจากชัยคุล อิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮฺ เราะหิมะฮุลลอฮ ด้วยคำกล่าวของท่านว่า “…ส่วนหิกมะฮฺในอัล-กุรอานนั้น ความหมายของมันคือ การรู้จักสัจธรรมและการปฏิบัติมัน…” [2]
หิกมะฮฺดังกล่าว มีทั้งที่เป็นคุณลักษณะโดยธรรมชาติ(ฟิฏเราะฮฺ)และมีที่เริ่มต้นมาจากความพยายาม และในบรรดาสาเหตุของความพยายามเพื่อให้ได้มาซึ่งหิกมะฮฺนั้น ก็คือ การเข้าใจในศาสนา และมันคือความดีงามที่มากมายที่ถูกกล่าวไว้ในอายะฮฺ
وَمَن يُؤْتَ الْحِكْمَةَ فَقَدْ أُوتِيَ خَيْرًا كَثِيرًا وَمَايَذَّكَّرُ إِلاَّ أُوْلُوا اْلأَلْبَابِ
และผู้ใดที่ได้รับความรู้ แน่นอนเขาก็ได้รับความความดีอันมากมาย และไม่มีใครจะรำลึก นอกจากบรรดาผุ้ที่มีสติปัญญาเท่านั้น (สูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 2 : 269)
อัส-สุนนะฮฺได้ยืนยันในเรื่องนี้และได้อธิบายเกี่ยวกับความพยายามเพื่อให้ได้มาซึ่งหิกมะฮฺไว้ว่า :
مَنْ يُرِدِ اللهُ بِهِ خَيْرًا يُفَقِّهْهُ فِى الدِّيْنِ
“ผู้ใดที่อัลลอฮประสงค์ความดีงามแก่เขา พระองค์จะทรงทำให้เขาเข้าใจในศาสนา” [3]
และสัยยิด กุฏบฺ เราะหิมะฮุลลลอฮ ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวไว้ในตัฟสีรของท่านว่า หิกมะฮฺ คือผลจากการตัรบียะฮฺ(อบรมสั่งสอน)ของอัล-กุรอาน : ‘หิกมะฮฺ คือผลจากการอบรมด้วยคัมภีร์นี้(อัล-กุรอาน) นั่นคือ ความสามารถในการวางกิจการต่างๆไว้ในที่ของมันอย่างถูกต้อง และชั่งมันด้วยตราชั่งที่แม่นยำ พร้อมกับได้รับความสำเร็จในทุกกิจการและการชี้นำ…’ [4]
ในขณะที่ลุกมาน อัล-หะกีม มองว่า หิกมะฮฺคือสิ่งที่สามารถได้มาด้วยการนั่งร่วมกับคนดี(ศอลิหฺ)ที่เป็นแบบอย่างทั้งหลาย ดังเช่นในคำสั่งเสียของเขาที่มีให้แก่ลูกๆของตนเองว่า : ‘โอ้ลูกเอ๋ย จงนั่งร่วมกับเหล่าผู้รู้(อุละมาอ์) และจงนั่งอยู่เบื้องหน้าพวกเขาด้วยเข่าทั้งสองของลูก แท้จริง อัลลอฮ สุบหานะฮุ วะตะอาลา ทรงทำให้หัวใจมีชีวิตด้วยกับรัศมีแห่งหิกมะฮฺ ดังที่พระองค์ทรงทำให้แผ่นดินที่แห้งแล้งมีชีวิตขึ้นมาด้วยเม็ดฝน’ [5]
อิมาม อัล-บุคอรีย์ ได้สร้างบทหนึ่งในภาคความรู้(ในหนังสือเศาะฮีหฺอัล-บุคอรีย์) ซึ่งมีชื่อว่า : (ปรารถนาให้ได้ความรู้และหิกมะฮฺ) ด้วยการมองว่า แท้จริงแล้ว ความรู้คือสื่อ(วะสีละฮฺ) และหิกมะฮฺคือผลที่ได้มาโดยธรรมชาติ Read the rest of this entry »